เพื่อน ๆ ที่กรุงเทพจะมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนกัน ให้ช่วยจัดทริปให้หน่อย โดยจะเดินทางด้วยเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-เชียงใหม่ และนั่งรถตู้เที่ยวกัน 1 ลูปแม่ฮ่องสอน 4,088 โค้ง ระหว่างวันที่ 18-22 ตุลาคมนี้ครับ
แผนที่การเดินทาง จุดสีแดงคือจุดที่เราจะแวะเที่ยวในครั้งนี้ครับ
อาทิตย์ 18 ตุลาคม 2558 (วันเดินทาง)
08.00 น. พบกันที่สนามบินดอนเมือง ทำการเช็คอินโหลดกระเป๋า เพื่อเดินทางในเที่ยวบินเวลา 09.05 น.
10.15 น. ถึงสนามบินเชียงใหม่ รถตู้จำนวน 2 คัน มารับเพื่อเดินทางไปยังปาย จุดหมายแรกของแม่ฮ่องสอน
12.00 น. พักทานอาหารกลางวันระหว่างทาง Coffee Hills ป่าแป๋ (อาหารอร่อยแต่ช้าหน่อย) หรือร้านอาหารบริเวณจุดพักรถโอเคมาร์ท (พอทานได้และใช้เวลาน้อยกว่า)
(ระหว่างทางจะผ่านห้วยน้ำดัง สถานที่กางเต็นท์ชมทะเลหมอกอันลือชื่อของเชียงใหม่ บริเวณที่พักอยู่เชียงใหม่ก็จริง แต่ปากทางเข้าอยู่ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนนะครับ)
13.30 น. สะพานประวัติศาสตร์ปาย แวะถ่ายรูปตามรายทางที่บริเวณสะพาน ร้านกาแฟปายอินเลิฟ ร้านเลิฟสตรอว์เบอร์รี่
14.30 น. เข้าที่พัก ปายคำรีสอร์ท (พักผ่อนให้หายเพลียจากการอ้วกกกก อิอิ)
16.30 น. ไหว้พระวัดน้ำฮู และบ้านสันติชล (บ้านสันติชล หมู่บ้านชาวจีนยูนนานเหมือนที่บ้านรักไทย)
18.00 น. เดินเล่นและรับประทานอาหารบริเวณถนนคนเดิน
20.30 น. กลับที่พัก พักผ่อนหลับนอน
จันทร์ 19 ตุลาคม 2558 (วันที่สอง)
05.30 น. ชมทะเลหมอก ม่อนหยุนไหล ห่างจากที่พักประมาณ 15 นาที (แต่ต้องนั่งรถท้องถิ่นขึ้นไปชม ค่ารถประมาณ 300 บาท นั่งได้ 10 คน ท่านใดที่ไม่ต้องการขึ้น สามารถนอนตื่นสายได้อีกหน่อยครับ)
08.30 น. เดินทางออกจากปาย
09.30 น. แวะพักทานกาแฟ ร้าน The Rock ปางมะผ้า ระหว่างทางแวะจอดถ่ายรูปจุดชมวิวดอยกิ่วลม จุดชมวิวลูกข้าวหลาม
(ที่ปางมะผ้า มีสถานที่น่าท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น ถ้ำลอดที่นั่งแพเข้าไปชม ถ้าผีแมนที่เข้าไปชมโลงหินโบราณ น้ำบ่อผีที่เป็นแผ่นดินยุบลงไป นักปีนเขาชอบมาโรยตัวกันที่นี่ บ้านจ่าโบโฮมสเตย์ริมทะเลหมอก และถ้ำแม่ละนา ถ้ำที่ยาวที่สุดในเอเชีย มีความยาว 12.5 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 24 ชั่วโมง)
12.00 น. ทานข้าวกลางวันร้านอาหารบริเวณถ้ำปลา และเดินเล่นในอุทยาน ค่าเข้าชม 20 บาทต่อท่าน
13.30 น. แวะแช่เท้าพอกหน้าด้วยโคลนที่ภูโคลน ระหว่างทางแวะน้ำตกผาเสื่อ หรือพระตำหนักปางตอง ที่ประดับของในหลวง ภายในมีสวนสัตว์เล็ก ๆ และมีการเลี้ยงแกะ กับพันธุ์ไม้เมืองหนาว
16.00 น. แวะชมสวนสไตล์อังกฤษดื่มกาแฟที่ Coffee Camp ร้านกาแฟดังที่ใครมาปางอุ๋ง บ้านรักไทย ต้องแวะเยี่ยมชม
16.30 น. บ้านรักไทย เข้าพักที่ลีไวน์รักไทย บ้านดินในไร่ชา หรือ ต้า เหล่า ซือ บ้านพักริมทะเลสาบ ขี่จักรยานเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน ซึ่งเขตประเทศพม่าอยู่ห่างไม่ถึง 1 กิโลเมตร ในหน้าหนาวที่นี่จะมีอุณหภูมิประมาณ 3-4 องศา ซึ่งถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว บริเวณนี้ ติดลบ 2-4 องศา มีน้ำแข็งเกาะยาวเป็นแท่งเหมือนเมืองนอกเลยทีเดียว
แค่ข้ามสันเขา ก็คือ ประเทศพม่า ไปถึงแล้ว สังเกตดี ๆ จะเห็นธงชาติไทยปักแสดงอาณาเขตอยู่ครับ
บนเขา บ้านดินสีส้ม คือ ลีไวน์รักไทย ด้านล่างริมน้ำ หลังคาสีเขียว คือ ต้าเหล่าซือ
18.30 น. ทานอาหารจีนยูนนานที่ร้านลีไวน์รักไทย อาหารขึ้นชื่อ ขาหมูยูนนานหมั่นโถ แต่ส่วนตัวคิดว่าจืดไปหน่อย ยำใบชา ก็รสชาติแปลกดี ต้มซุปไก่ดำ จัดได้เลย แต่ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ หมั่นโถทอด มาร้อน ๆ อร่อยกว่าครัวซองต์เป็นไหน ๆ
อังคาร 20 ตุลาคม 2558 (วันที่สาม)
06.30 น. ตื่นเช้าเดินทางไปปางอุ๋ง ชมหมอกลอยเหนือผิวทะเลสาบ นั่งเรือแพไม้ไผ่ ถ่ายรูปกับหงส์ขาว หงส์ดำ เจ้าถิ่นของที่นี่
08.00 น. ทานข้าวเช้า ดื่มกาแฟสด ที่เกสต์เฮ้าส์ลุงปาละ
09.00 น. เดินทางลงมายังบ้านกุงไม้สัก แวะสะพานซูตองเป้ สะพานแห่งศรัทธา ที่สร้างจากไม้ไผ่โดยการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านสร้างเพื่อใช้เป็นทางเดินบิณฑบาตรของพระสงฆ์วัดสวนธรรมภูสมะ หน้าฝนจะสวยงามมาก ๆ ทุ่งนาเป็นสีเขียวขจี
10.30 น. เดินทางลงมายังตัวเมือง แวะชมพิพิธภัณฑ์มีชีวิต นั่งรถรางชมเมือง
12.00 น. ทานอาหารกลางวันที่ข้าวซอยร้านป้านูญ และเดินมานั่งเล่นที่ร้านกาแฟฮ่องนั่งเล่น ระหว่างนั้นจะนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บให้ยังที่พักจองคำเกสต์เฮ้าส์
14.00 น. นั่งเรือไปเที่ยวหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว ห้วยปูแกง บ้านน้ำเพียงดิน หมู่บ้านสุดท้ายติดชายแดนพม่า (ถ้าไม่นั่งเรือก็จะเปลี่ยนไปดูที่ห้วยเสือเฒ่าแทน จะไม่เสียเวลามากครับ และมีเวลาแวะมาเที่ยวที่บ้านผมได้ด้วยนะ)
17.30 น. เดินทางขึ้นไปไหว้พระที่พระธาตุดอยกองมู นั่งชิมกาแฟร้านก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา รอคอยชมพระอาทิตย์ตกดิน
18.30 น. ลงมาเดินเล่นถนนคนเดิน ถ่ายภาพวัดจองคำ วัดจองคำยามค่ำคืน และทานอาหารเย็น มีส้มตำไก่ย่างขายให้นั่งทานริมหนองจองคำ สามารถแยกย้ายกันเดินได้ เหนื่อยก็เดินกลับที่พักแค่เพียง 5 นาที
พุธ 21 ตุลาคม 2558 (วันที่สี่)
07.00 น. ไปเดินเล่นตลาดสายหยุด ตลาดเช้าประจำเมืองแม่ฮ่องสอน ทานอาหารพื้นเมืองที่ตลาด หรืออาหารพื้นเมืองร้านป้าศรีบัว ชิมขนมไทใหญ่ อาลาหว่า ส่วยทะมิน เป๊งม้ง เจ้าดังใกล้ ๆ กัน หรือไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านมอร์นิ่งคอฟฟี่
08.30 น. ออกเดินทางไปยังดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม
10.00 น. ชมทุ่งดอกบัวตอง (อาจจะยังตูม ๆ อยู่นะครับ เพราะจะบานสวยเต็มที่ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนจ้ะ)
11.00 น. แวะชมน้ำตกแม่สุรินทร์ เป็นน้ำตกที่ชมได้ในระยะไกลครับ ใช้เวลาไม่นาน
12.00 น. ทำกิจกรรมบริจาคสิ่งของและเยี่ยมชมโรงเรียนบ้านหนองเขียว ห้องสมุดบ้านดิน ทานอาหารที่โรงเรียนจัดเลี้ยงต้อนรับ
13.30 น. เดินชมหมู่บ้านกระเหรี่ยง ดูวิถีชีวิตและการทอผ้า
15.00 น. เดินทางต่อไปยังแม่สะเรียง
วิวทิวทัศน์ข้างทาง และนาขั้นบันได ที่สามารถมองเห็นได้ระหว่างการเดินทางครับ
16.30 น. เข้าที่พักที่แม่สะเรียง มดดำเกสต์เฮ้าส์ ริมแม่น้ำยวม
18.30 น. ทานอาหารเย็น
พฤหัสบดี 22 ตุลาคม 2558 (วันที่ห้า วันเดินทางกลับ)
07.00 น. ทานอาหารเช้า
08.30 น. เดินทางออกจากแม่สะเรียง ระหว่างทางแวะสวนสนบ่อแก้ว ที่สวยงามเหมือนที่เกาะนามิ ประเทศเกาหลี
(ระหว่างทางจะผ่านอุทยานแห่งชาติออบหลวง ทุ่งดอกบัวตองแม่เหาะ ทางเข้าอำเภออมก๋อยที่หน้าหนาวจะมีอากาศที่หนาวมาก ๆ และอำเภอแม่แจ่ม แหล่งผลิตผ้าไหมทอคุณภาพ)
11.00 น. ดอยอินทนนท์ ยอดดอยสูงสุดยอดของประเทศไทย ความสูง 2,565.3341 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
12.00 น. ทานอาหารกลางวันบริเวณอุทยาน
14.00 น. ไหว้พระธาตุศรีจอมทอง พระธาตุประจำคนเกิดปีหนู
15.30 น. ชมและเลือกซื้อสินค้าไม้ที่บ้านถวาย
17.00 น. ไหว้พระทันใจ ที่พระธาตุดอยคำ ชมสวนราชพฤกษ์จากมุมสูง
18.00 น. ทานอาหารเย็นที่ร้านผักกูด ติดกับร้านกาแฟบ้านสวน ร้านดังหลังพระธาตุดอยคำ แต่ 5 โมงเย็นก็ปิดร้านล่ะ
19.40 น. สนามบินเชียงใหม่ เพื่อทำการเช็คอิน
20.40 น. เดินทางกลับกรุงเทพ
21.45 น. ถึงกรุงเทพ กลับบ้านนอนกันครับ อิอิ
เสริมท้าย
แม่ฮ่องสอนยังมีสถานที่น่าสนใจอีกเยอะ ยิ่งถ้าชอบท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พักโฮมสเตย์ มีทั้งโฮมสเตย์บ้านเมืองปอน บ้านเมืองแพม หรือที่บ้านกลางหลวง อย่างที่บ้านเมืองปอน ก็มาพักนอนที่บ้านป้าคำ บ้านไม้เก่าที่มีอายุกว่า 100 ปี ตื่นเช้าใส่บาตร กลางวันนั่งสานหมวก เย็น ๆ ไปขี่จักรยานเล่นรอบหมู่บ้าน มาใช้ชีวิตแบบช้า ๆ Slow Life ที่เห็นทางกรุงเทพฮิต ๆ กันอยู่
หรือถ้าชอบการตกปลา ที่นี่ก็มีกีฬาตกปลาแบบ Fly Fishing ที่ฝรั่งจากเมืองนอกยังยอมเสียค่าตั๋วเครื่องบินแพง ๆ บินมาตกกัน เช่น ที่แม่น้ำเงา แม่สะเรียง ถึงกับยกให้แม่ฮ่องสอนเป็น Montana Thailand เสียเลย ที่นี่มีปลาคัง ปลาแคร่ ตัวโต ๆ ที่เอามาผัดฉ่าหรือทำต้มยำ ปลา Mahseer ที่เนื้ออร่อยมาก เอามาย่างกินแบบหมูหัน ปลาชนิดนี้ที่มาเลเซียนิยมกินกันมาก ขายกันจานละแพง ๆ เมืองไทยเองก็ตกกิโลกรัมละ 1,000 บาท และที่น่าแปลกใจที่สุด คือ มีปลา Trout ด้วยนะครับ แต่เป็น Burmese Trout หรือปลาเทร้าท์พม่านั่นเองครับ
ปิดท้ายด้วยการล่องแก่งที่แม่สะเรียงครับ